2. ทำอย่างไรหากคุณเป็น LGBTQ+ แต่ก็ยังอยากเป็นมุสลิมที่ดี ?

คนเรามีโอกาสและมีเวลาให้ปรับปรุง กลับเนื้อกลับตัวจนกระทั่งความตายมาถึง หรือดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก (วันสิ้นโลก)

นั่นหมายความว่า ไม่ว่าเราจะทำผิดพลาด ก้าวพลาดในเรื่องใด ไม่ว่าจะเป็นความผิดเล็กหรือใหญ่ อัลลอฮฺ พระผู้เป็นเจ้าก็อภัยให้ได้ ด้วยความเมตตาอันกว้างใหญ่ไพศาลของพระองค์ และพระองค์ทรงเข้าใจในปัญหาและข้อจำกัดของเรา 

การที่เราแปลงเพศไปแล้ว และอยากกลับตัว ขอแค่เพียงตั้งเจตนาว่าจะเริ่มต้นใหม่กับหนทางสู่สวรรค์ พยายามแก้ไขด้านพฤติกรรม ด้านกายภาพ โดยอาศัยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ร่วมด้วย เช่น การปรับสมดุลฮอร์โมน หรือกระบวนการต่าง ๆ ที่จะช่วยให้เรากลับไปเป็นเพศธรรมชาติเดิมของเรา ทั้งนี้ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ 

หากเราพยายามแล้ว และกลับไปได้เท่าที่เราสามารถ ที่เหลือจากนั้นก็ขออภัยโทษต่อพระองค์ และขอพระองค์ทรงให้ชีวิตที่เหลือของเรา มุ่งสู่ความดีงาม

นอกจากนี้ หากเรามีการทำผิดหรือบกพร่องกับผู้อื่นในช่วงเวลาที่ผ่านมา ก็ติดต่อขออภัย เคลียร์ใจไม่ให้ติดค้าง เพื่อให้การกลับตัวของเราสมบูรณ์ ทั้งระหว่างเรากับพระเจ้า และระหว่างเรากับมนุษย์ด้วยกัน

ขอเป็นกำลังใจให้ทุกการก้าวเดินกลับสู่ธรรมชาติแห่งอิสลาม สู่ความสุขที่ยั่งยืนถาวรในโลกหน้า

ความผิดแบ่งเป็น 2 ประเภท ประเภทคือความผิดภายใน เช่น การรัก, ชอบในสิ่งที่เป็นบาป, สิ่งที่อยู่นอกขอบเขตที่ศาสนาอนุญาต หรือแม้กระทั่งคิดจะลงมือทำความผิดแต่ยังไม่ได้ทำ อิสลามก็ยังไม่นับว่ามันเป็นบาป 

บาปจะเป็นบาปก็ต่อเมื่อบาปถูกกระทำแล้ว ผ่านคำพูดหรือการกระทำอื่น ๆ ความผิดประเภทนี้ เป็นเหมือนเส้นอันตรายสีแดง ที่มุสลิมที่ดีจะไม่ก้าวล้ำข้ามไป

หากสามารถมองเห็นแล้วว่า รสนิยมทางเพศที่ไม่ฮาลาล (อนุมัติตามหลักการ) ของเรามันมิใช่อื่นใดเลย นอกจากเป็นบททดสอบชนิดหนึ่งของเรา ที่จะไม่หนักเกินไปสำหรับเรา เราสามารถวิธีรับมือกับมันได้เหมือนการรับมือกับบททดสอบอื่น ๆ 

เบื้องต้น เริ่มจากการขอดุอาอฺอย่างจริงจัง ขออัลลอฮฺทรงมอบความง่ายดายในการต่อสู้กับนัฟซู (อารมณ์ความต้องการ) ของเรา, พยายามออกห่างจากเส้นแดง ไม่พาตัวเองเข้าไปเฉียดใกล้สถานการณ์ที่อาจพลาดพลั้ง จนอาจล้ำเส้นในที่สุด

ที่สำคัญระหว่างนี้ เราต้องรักษาอิบาดะฮฺ (ศาสนกิจ) อื่น ๆ ไม่ให้บกพร่อง อิบาดะฮฺทำให้เราใกล้ชิดกับอัลลอฮฺ ความใกล้ชิดนี้จะช่วยให้อะไร ๆ ง่ายขึ้น

การเป็นมุสลิมคนหนึ่งซึ่งมีหัวใจโหยหาความเอร็ดอร่อยของบาป แต่ก็ต่อสู้เพื่อข่มหัวใจตัวเองตลอดเวลาให้อยู่ในความยำเกรงต่อพระเจ้า เราสามารถนิยามได้แล้วว่าเขาเป็นมุสลิมที่ดีได้แล้ว

กระนั่นก็ตาม การที่ต้องต่อสู้กับนัฟซูตัวเองอย่างหนักตลอดเวลา อาจหนักเกินไป จนทำให้พลาดได้ในบางครั้ง จึงควรหยิบเองความผิดประเภทแรกขึ้นมาพิจารณาด้วย ถึงการปรารถนาในความผิดจะไม่ใช่บาป แต่หากบรรเทาความปรารถนานั้นได้ มันก็ช่วยลดภาระในการต่อสู้กับนัฟซูได้อย่างมาก การค่อย ๆ ปรับรสนิยมทางเพศของตัวเองให้เข้าที่เข้าทาง ก็เป็นอีกกระบวนการหนึ่งที่ไม่ควรละเลย